เดือน: เมษายน 2020

5 เหตุการณ์น่าขายหน้าของอาร์เซน่อลในฟุตบอลยุโรป

5 เหตุการณ์น่าขายหน้าของนักฟุตบอล หลังจากเพิ่งอกหักจากฟุตบอลยูโรป้า ลีก ด้วยการโดน โอลิมเปียกอส บุกมาเฉือนเอาชนะ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งที่กุมความได้เปรียบตั้งแต่นัดแรกจากการบุกไปชนะมา 1-0 อย่างไรก็ตามทีมของ มิเกล อาร์เตต้า กลับต้องทิ้งถ้วยแชมป์อีกหนึ่งใบแบบสุดเจ็บปวดโดยเฉพาะการโดนยิงเอาในช่วงนาทีสุดท้าย

5 เหตุการณ์น่าขายหน้าของนักฟุตบอล อาร์เซน่อล 1-2 ออสเตอร์ซุนด์ส – 2017/18

อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะในเลกแรก 3-0 ถึงถิ่นของ ออสเตอร์ซุนด์ส ในยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย ซึ่งมันคงเป็นเรื่องสบาย ๆ สำหรับพวกเขาที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปได้ และมันนำไปสู่การจัดทัพผู้เล่นแบบไม่เน้นมากนัก และผลลัพธ์มันก็ตอบสนองต่อสิ่งนั้น เมื่อพวกเขากล้า ๆ แพ้คาบ้านด้วยสกอร์ 1-2 แม้มันจะไม่เสียหายเพราะว่าทีมปืนใหญ่ยังผ่านเข้ารอบไปได้ แต่มันก็แอบเสียฟอร์มหน่อยที่โดนทีมจากสวีเดนยัดเยียดความปราชัยถึงถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

อาร์เซน่อล 2-3 โอลิมเปียกอส – 2015/16

เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้เลวร้ายเหมือนในปีนี้ เพราะการพ่ายคาบ้านของอาร์เซน่อลไม่ได้ทำให้พวกเขาต้องกระเด็นตกรอบ เพราะในเลกแรกของแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ เก็บชัยชนะด้วยสกอร์ 3-0 กุมความได้เปรียบอย่างมาก แต่การมาเล่นในบ้านแล้วแพ้ต่อหน้าแฟนบอลตัวเองในเลกสองอาจเสียฟอร์มหน่อย ๆ

 

อาร์เซน่อล 1-5 บาเยิร์น มิวนิค – 2016/17

ถ้าให้จัดอันดับเหตุการณ์น่าขายหน้าที่สุดก็คงต้องยกแมตช์นี้แล้วแหละ ที่จริงแล้ว อาร์เซน่อล แพ้ด้วยสกอร์เดียวกันในเกมแรกที่ บาเยิร์น สำหรัการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย โอกาสของพวกเขาริบหรี่มาก ๆ ในการผ่านเข้ารอบต่อไป แคต่พวกเขาแอบได้ลุ้นเมื่อนำก่อน 1-0 ในครึ่งแรก อย่างไรก็ตามมันกลายเป็นหนังคนละม้วนเลยในครึ่งหลังเมื่อทีมเยือนรัวทีเดียว 5 เม็ดรวดจนตกรอบด้วยสกอร์รวม 10-2


อาร์เซน่อล 1-3 โมนาโก – 2014/15

มันเป็นผลการแข่งขันที่น่าเซอร์ไพรส์สำหรับ อาร์เซน่อล เมื่อโดนม้ามืดอย่าง โมนาโก ที่ตอนนั้นมีแนวรุกอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ ยานนิค คาร์รัสโก้ บุกมาเอาชนะได้ก่อนในเลกแรก ของแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่จริงพวกเขาเกือบจะผ่านเข้ารอบเมื่อบุกไปชนะที่ โมนาโก ได้ 2-0 แต่มันไม่พอเพราะทีมปืนใหญ่ต้องตกรอบไปด้วยกฎประตูทีมเยือน

เอซี มิลาน 4-0 อาร์เซน่อล – 2011/12

อาร์เซน่อล มาเจอกับ เอซี มิลาน ในยุคที่ เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง กำลังฟอร์มร้อนแรง เช่นเดียวกับการมี ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ โรบินโญ่ ประจำการในแดนหน้า และทีมจากอังกฤษก็ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งทัพปีศาจแดงดำได้จนพ่ายแบบเละเทะในเลกแรก พวกเขากลับมาเล่นในบ้านแล้วชนะด้วยสกอร์ 3-0 แต่ก็ไม่เพียงพอจนต้องตกรอบไป 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  บาคาร่าออนไลน์

ชีวิตที่เลือกได้ระหว่างดำ กับขาว

ชีวิตที่เลือกได้ระหว่างดำ กับขาว หากจะพูดถึงนักฟุตบอลอาชีพสักคนหนึ่งที่มีนิสัยห้าว และเกเร ทำตัวไม่สมกับการเป็นนักฟุตบอลนั่นแล้วหล่ะก้อ ทุกคนคงจะนึกภาพของผู้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า โจอี้ บาร์ตัน เพราะหากจะให้แฟนบอลนึกถึงเค้านั้น คงไม่ค่อยจะมีเรื่องดีๆ เท่าไหร่นัก ซึ่งมันจะเป็นไปได้จริงๆหรือที่คนๆ หนึ่งจะไม่มีเรื่องราวดีๆ ให้น่าจดจำกันบ้างเลย และต่อให้เค้าจะร้ายสุดขั้วชั่วสุดขีดในสายตาของใครมันก็ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้เค้าเติบโตมาเป็นอย่างนั้น และด้านดีที่แอบลึกในตัวเค้าจะมีหรือไม่และเป็นเช่นไร

เพราะภาพจำในวงการฟุตบอลของนักเตะคนนี้ค่อนข้างจะออกมาในรูปแบบที่ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับคนภายนอกเลย เพราะด้วยตัวเค้าเองนัก ก็ไม่ใช่นักเตะที่เก่งตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยความมุมานะของเค้าก็ทำให้เค้าได้เล่นฟุตบอลกับทีมเอฟเวอร์ตัน ก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้กับเรือใบสีฟ้า แมนซิติ้ และถูกดันขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในเวลาต่อมา

และหลังจากนั้นเค้าก็ได้กลายเป็นตำนานนักเตะที่สร้างปัญหาไม่เว้นในแต่ละวัน ซึ่งความห้าวหาญของเค้าเองนั้นหลังจากขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ และด้วยฝีปากที่เก่งกว่าฝีเท้า ทำให้เค้าฝังตัวกลายเป็นรุ่นพี่ของสโมสรในขณะที่อายุได้ไม่เท่าไหร่ เพราะในยุคนั้น เรือใบสีฟ้า ยังมีแต่นักเตะโนเนม ที่ยังไม่ได้มีเจ้าของเข้ามาเทคโอเวอร์ และมีนักเตะซุปเปอร์สตาร์เข้ามาร่วมทีม ตัวเค้าเองจึงสามารถที่จะทำอย่างนั้นได้ แต่เมื่อมีการเทคโอเวอร์เกิดขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลง การโละนักเตะเริ่มมีขึ้น

เพื่อเปิดทางให้กับซุปเปอร์สตาร์ที่จะเดินขบวนพาเหรดเข้ามา และหนึ่งในนักเตะที่ถูกโละก็คือ โจอี้ บาร์ตัน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับด้านพฤติกรรมของเค้า และความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำที่ไม่ควร มันมากพอที่จะทำให้นักเตะคนนี้ไม่อยู่ในสายตาของผู้จัดการทีมคนใหม่ หนำซ้ำเค้ายังถูกมองว่าเป็นเนื้อร้ายที่ทำให้ภาพลักษณ์ของสโมสรเสียหายไปด้วยซ้ำ และฟางเส้นสุดท้ายของเค้ากับสโมสรก็มาถึงเมื่อตัวเค้าเองนั้นได้ต่อยเพื่อนร่วมทีมในสนามซ้อม และไม่เคยมีคำขอโทษต่อเพื่อนร่วมทีมในเหตุการณ์นั้นเลย มันจึงเปรียบเสมือนเป็นเครื่องหมายการค้าทางด้านอารมณ์ของเค้าไปตลอด

จนสุดท้ายแม้ว่าเค้าจะโชคดีกว่าคนหลายๆ คนที่มีโอกาสได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ด้วยฝีมือที่เหมือนกันคนเตะบอลทั่วไปนั้น แต่เค้ากลับไม่คว้าโอกาสในชีวิตนั้นไว้ จนกลายเป็นคนที่ถูกลืมในวงการฟุตบอลไปในที่สุด

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  Gclub ดาวน์โหลด

ยังมีโอกาสที่จะโมฆะ

ยังมีโอกาสที่จะโมฆะ เถียงกันไม่จบไม่สิ้น กับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่ยังคงเป็นประเด็นในวงการกีฬา ว่าจะทำยังไงกันต่อ ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่แค่ฟุตบอลอังกฤษหรอก มันเป็นแทบทั้งโลกไปแล้ว ที่ตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดไข้โควิด19 นั้น กำลังตึงเครียดและแสนสาหัสจริงๆกับคนบนโลกนี้ ขนาดกีฬาแห่งมวลมนุษย์ชาติกลางปีนี้อย่างโอลิมปิก ก็ยังต้องโบกมือลาไปเป็นที่เรียบร้อย เลื่อนกันยาวๆ ไปจัดปีหน้าเลย

เพราะจากผลสรุปในที่ประชุมแต่ละประเทศคงไม่อยากเสี่ยงเอานักกีฬาของชาติเค้ามาลงทำการแข่งขันแน่ และหลายฝ่ายต่างก็เชื่อว่า คงไม่มีแฟนแฟนกีฬาคงไหนมานั่งดูการแข่งขันกีฬาในสภาวการณ์แบบนี้แน่นอน ซึ่งหากย้อนกลับมาที่ประเด็นของพรีเมียร์ลีกนั้น ซึ่งตอนนี้จากเดิมที่เคยแจ้งไว้ว่าจะกลับมาทำการแข่งในวันที่ 3 เมษายน นั้น

ตอนนี้ก็ต้องมีการเลื่อนออกไปอีกครั้งว่า จะกลับมาแข่งอีกทีวันที่ 30 เมษายน นั่นเลย ซึ่งหมายความระยะเวลาก็จะกินเพิ่มเข้าไปอีก ทำให้โปรแกรมต่างๆ รวมถึงฟุตบอลถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกก็จะกระทบกันลงไปด้วย ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว ต่อให้ลีกอังกฤษกลับมาเตะนั้น ทุกอย่างก็คงไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่นัก ทั้งในเรื่องของคนดู และการถ่ายทอดสด เพราะเวลานี้ หลายๆคนในอังกฤษก็เริ่มตื่นตัวและวิตกกับสถานการณ์ของโควิด กันพอสมควร และที่สำคัญนักเตะของแต่ละสโมสรอยากเล่นกันจริงๆ ใช่มั้ย เพราะทุกคนก็มีครอบครัวเหมือนกันนะ

ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายคือ ฤดูกาลนี้เป็นโมฆะ อ้าว แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับทีมที่เสียผลประโยชน์หล่ะ แต่ถ้าหากเรามองกันตามความเป็นจริงแล้วในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือคน เราไม่สามารถที่จะทำการแข่งขันต่อไปได้เลยแม้แต่น้อย และนี้ไม่ใช่เวลาของการแข่งขันกีฬา มันไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม

ซึ่งคำกล่าวเหล่านี้ เป็นคำกล่าวที่ออกมาจากผู้อำนวยการกีฬาของประเทศอังกฤษ เพราะมันชัดเจนว่า ทั่วโลกในเวลานี้ต่างเป็นเช่นไร ทุกๆที่ได้รับผลกระทบกันหมด กิจกรรมต่างๆ ต้องถูกยกเลิกไป สำหรับเกมพรีเมียร์ลีกเหลืออีกเก้าเกม เราก็แค่ต้องเริ่มต้นกันใหม่ แน่นอนทีมที่เสียผลประโยชน์อย่างยิ่งนั้นคือ ทีมลิเวอร์พูล แต่ในเรื่องใหญ่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คงไม่มีอะไรสำคัญไปเท่ากับชีวิตคน

หากคุณยังดื้อดึงให้นักเตะลงไปเล่น มันก็จะมีแต่แย่ลงเท่านั้น และก็เชื่อว่าหลายๆสโมสรต่างก็คิดเหมือนกัน ตอนนี้เรื่องที่สำคัญและใหญ่กว่าโควิดนั้น มันคือการที่ลิเวอร์พูลจะได้แชมป์อย่างนั้นหรือ เอาเป็นว่าจะได้ไม่ได้นั้น คงขึ้นกับ สิบสี่เสียงจากจำนวน ยี่สิบเสียงน่ะแหล่ะ ว่าทุกอย่างจะเป็นโมฆะมั้ย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  บาคาร่า