ประวัติของ VAR  คืออะไร 

     ประวัติของ VAR หลายคนสังสัยว่ามันคืออะไรกันแน่และมาเกี่ยวข้องกับฟุตบอลได้ยังไง ทำไมฟีฟ่าถึงยอมรับในการใช้มัน ซึ่งจริงๆแล้ว เทคโนโลยีนี้มีมานานแล้ว แต่เพิ่งนำมาใช้เพื่อช่วยผู้ตัดสินในการตัดสินใจและทำให้เกมส์ฟุตบอลสนุกยิ่งขึ้นและกำลังได้รับความนิยมในหลายสาขา ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักมันกัน

     VAR ย่อมาจาก (Video Assistant Referee)

     คือการนำภาพชช้ามาให้ผู้ตัดสินดูเพื่อประกอบการตัดสินเกมส์ในช่วงเวลาสำคัญโดยจะมีทีมงานคอยรายงานผ่านชุดหูฟังเพื่อสื่อสารกับผู้ตัดสิน เช่น จังหวะล้ำหน้า ลูกบอลเข้าประตูหรือไม่  จังหวะฟาล์วในกรอบเขตโทษ หรือการเล่นตุกติกนอกเกมส์ โดยผู้ตัดสินจะหยุดเวลาช่วงสั้นๆเพื่อวิ่งไปดูจอมอนิเตอร์ที่ข้างสนามเพื่อการตัดสินใจ

      โดยมีการเริ่มใช้ครั้งแรกเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 ที่ Major League สหรัฐอเมริกา โดย ฟีฟ่าลงมติกันเริ่มเอาใช้ในรายการ ฟุตบอลโลกปี 2018 เพื่อทำให้การแข่งขันมีความยุติธรรมและพัฒนามากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดความผิดพลาดของผู้ตัดสินเองด้วย ในช่วงแรกมีหลายฝ่ายทักท้วงว่าจะทำให้เกมส์ฟุตบอลหมดความสนุกและทำให้เกิดความล้าช้ายืดเยื้อในเวลาแข่งขัน 

     ซึ่งในเกมส์ฟุตบอลสมัยก่อนเสน่ห์ของฟุตบอลกรรมการเองเป็นคนตัดสินร่วมกับผู้ช่วยตัดสินอีกสองคน แต่ก็เกิดความผิดพลาดขึ้นมากมายจนในหลายครั้งเหมือนมีการล้มบอลเกิดขึ้นจนบางทีก็มีการตรวจสอบกันอยู่เรื่อยๆ เทคโนโลยี VAR จึงจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ปัจจุบันเกิดข้อบังคับการใช้ VAR ในทุกการแข่งขัน

และเป็นที่แพร่หลายในหลายประเทศเพราะเทคโนโลยีนี้ทำให้เกมส์ฟุตบอลเป็นไปอย่างยุติธรรม ในปัจจุบันเกมส์ฟุตบอลมีอีกหลายเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเช่น การเก็บสถิติการวิ่ง สภาพร่างกายของนักเตะ เพื่อประสิทธิภาพและความได้เปรียบในการแข่งขัน  และความปลอดภัยของนักเตะเอง ในกีฬาประเภทอื่นก็เริ่มมีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้แล้วหรือที่ใช้อยู่ก่อนแล้วที่เห็นได้ชัดก็คือ กีฬา อเมริกันฟุตบอลที่ผู้ตัดสินใช้ VAR เพื่อมาช่วยในการตัดสินเกมส์

      ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยี VAR นี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาการแข่งขันฟุตบอลให้ดียิ่งขึ้น และสามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้ผู้ตัดสินได้เยอะ  หรือในอนาคตข้างหน้า อาจจะไม่จำเป็นต้องมีผู้ตัดสินลงไปวิ่งอยู่ในสนามก็เป็นได้